“ทุกคนคงรู้แล้วนะครับว่าค่าโฆษณา Facebook แพงขึ้น”
คำถามคือ…แล้วคุณเลิกลงโฆษณาได้มั้ย?
“ถ้าค่าโฆษณามันแพงขึ้น”
“ไม่ได้หรอกครับ” นั่นคือคำตอบ
ถ้างั้นเราควรปรับตัวยังไง?
“ในเมื่อยังไงๆเราก็ยังต้องซื้อโฆษณา Facebook ต่อไป”
1. หลังจากนี้ไป ต้องมีสติ และ รู้ตัวเองในทุกขณะจิต “ก่อนซื้อโฆษณา”
ต่อจากนี้ก่อนการกดซื้อโฆษณาทุกครั้ง คุณต้องรู้ก่อนแล้วว่าลูกค้าของคุณเป็นใคร ห้ามหว่านมั่วเด็ดขาด
2. ต้องมั่นใจว่าทุกๆครั้งที่ยิงโฆษณาออกไป “มันจะยิงไปโดนคนที่คุณตั้งใจไว้จริงๆ”
อย่างน้อยต้องมั่นใจเกิน70%ขึ้นไป ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกมีแนวโน้มจะใช่คนที่เราต้องการจริงๆ ซึ่งการที่เราจะประเมินเรื่องพวกนี้ได้ คุณอาจจะต้องใช้เครื่องมือเสริมเช่น Audience insight ของเฟสบุ๊คเข้ามาช่วยด้วย
3. “Put Right AD in The Right Person”
เลิกทำโฆษณาแบบ Mass Messages เวลายิง AD ได้แล้ว “ต่อจากนี้ไป คุณจะต้องปราณีตกับการสร้าง AD ที่มันสามารถสื่อสารได้แบบ Personalized กับกลุ่มลูกค้าที่คุณเลือกจริงๆ”
4. เพิ่มการทดสอบ เพื่อกระจายความเสี่ยง
การเริ่มสร้างโฆษณาอย่างน้อย 2ตัวขึ้นไปแล้วทำการยิงทดสอบไปพร้อมๆกัน จะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์จากการทำโฆษณาที่กว้างมากขึ้น ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งโฆษณาได้ง่ายขึ้น รวมไปจนถึงช่วยลดความเสี่ยงในการทำโฆษณาให้น้อยลง “เพราะเราไม่ต้องทุ่มงบไปที่โฆษณาแค่ตัวเดียว”
เชื่อมั้ยครับ…จากประสบการณ์หลายปีที่ผมทำโฆษณามา โฆษณาตัวที่คุณชอบมักจะไม่ใช่ตัวที่สร้างยอดขาย แต่ตัวที่คุณรู้สึกเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ กลับสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างน่าแปลกใจ
บอกเลยครับทำโฆษณาสมัยนี้ “รักแท้แพ้เทสเสมอ”
5. งานง่าย งานสบาย “ไม่มีแล้ว”
หมดยุคแล้วครับ “ADที่ยิงทิ้งไว้ได้ยาวเป็นเดือนๆ หรือ แอดที่รูปง่อยๆแคปชั่นห่วยๆแล้วมันจะขายได้”
เพราะฉะนั้นการคิดโฆษณาใหม่ๆ และการพัฒนาวิธีการนำเสนอใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา “เป็นสิ่งโคตรจำเป็น”
เอาง่ายๆไม่ต้องรอให้แอดเก่ามันไม่ดี เรารีบคิดของใหม่ไปแทนตัวเก่าก่อนเลย นั่นคือทางออกที่ดีกว่า
.
และนี่ก็คือ To Do List 5ข้อ ที่คนลงโฆษณาควรต้องรีบเปลี่ยนตัวเองทันที
อยากจะฝากทุกคนไว้แบบนี้ครับ
หลังจากนี้ไป ยิ่งค่าADแพงขึ้นเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องยิงโฆษณาให้ละเอียดมากที่สุดเท่านั้น
